ระวังก่อนโพสต์ข้อความ

**ระวังก่อนโพสต์ข้อความ**

การใช้สื่อบริการสังคมหรือสื่อประเภทโซเชียลมีเดียออนไลน์ ถ้าหากไม่ระวัง ผลกระทบย้อนกลับอาจมีมากกว่าที่เราคิด บทความพฤหัสบดีนี้จึงอยากให้ระวังก่อนโพสต์ข้อความ มี 3 ข้อที่คนมักจะพลาดที่สุด

ท่านคงจะทราบดีแล้วว่า โซเชียลมีเดียประเภทเฟซบุ๊ก ไฮไฟว์ มายสเปซ เป็นที่นิยมในปัจจุบัน สามารถเข้าถึงผู้คนได้นับล้าน มีหลายครั้งที่บางท่านเมื่อโพสต์ไปแล้วลืมว่าโพสต์อะไรไป แต่คนอ่านที่เห็นนับล้านมีข้อวิพากษ์วิจารณ์ตามมา ตอนนั้นละจึงรู้ถึงผลกระทบว่ารุนแรงขนาดไหน ยิ่งถ้าหากใช้ชื่อนามสกุลจริงรู้ว่าเราคือใคร ผลกระทบก็ตามมาจนตั้งตัวไม่ติด จึงอยากจะมีข้อควรระวังให้พิจารณา 3 ข้อดังนี้

*ข้อแรก อย่าใช้สื่อออนไลน์สร้างความสัมพันธ์ผิดทาง จากข้อมูลของเฟซบุ๊กโดยเฉลี่ยผู้ใช้หนึ่งคนจะมีเพื่อนประมาณ 130 คน และอาจจะมีผู้ใช้หลายคนที่มักจะรวบรวมชื่อเพื่อนไว้อยู่กลุ่มเดียวกันหมดไม่ว่าจะเป็นที่ทำงานเพื่อนสนิทส่วนตัว กลุ่มในครอบครัว เพื่อนสมัยเด็ก เพื่อนอยู่ในมหาวิทยาลัย ลองดูตัวอย่างสักเรื่องนะครับ ถ้าหากให้ทุกกลุ่มรู้เรื่องเหมือนกันหมด

สมมุติว่ามีเพื่อนที่ทำงานโดนเจ้านายดุว่ากล่าวตักเตือน ไม่สบายใจ ก็เขียนมาปรึกษาแถมเขียนบ่นด่าเจ้านายเสีย ๆ หาย ๆ ไปด้วยและก็แอบไปหางานใหม่ เราก็รู้สึกเข้าใจแล้วก็เห็นด้วยกับที่เขาเขียนมาหาเรา แถมอาจจะเอานิสัยไม่ดีของเจ้านายด่าเสริมเข้าไปด้วย เมื่อเวลาผ่านไปและมีวันหนึ่งที่เจ้านายเกิดเข้ามาดูและเห็นข้อความที่โพสต์ไป คุณคิดว่าเจ้านายเราที่ทำงานคนนั้นจะคิดอย่างไรกับเรา

บางครั้งกลุ่มเพื่อนสนิทด้วยกันอยู่ที่ทำงานเดียวกัน ก็เอาเรื่องต่าง ๆ ในที่ทำงานมาคุยกันกับกลุ่มเพื่อนสนิทและกลุ่มบริหารในที่ทำงานโดยไม่ตั้งใจ มีข้อความหลุดไป อาจจะทำให้เราตกอยู่ในที่นั่งลำบากในที่ทำงานได้ง่าย ๆ เลย

**ข้อสอง อย่าใช้อารมณ์หรือความรู้สึกส่วนตัวเวลาโพสต์ โซเชียลมีเดียนั้นทำให้เราสามารถโต้ตอบได้อย่างเร็วทันใจอยู่แล้ว อย่างกรณีเฟซบุ๊ก ถ้าหากเราคิดอะไร อยากเขียนข้อความอะไรก็สามารถทำได้ แต่กรณีทวิตเตอร์ก็มักจะเป็นการเล่าเรื่องราวอะไรต่าง ๆ ที่เราพบเห็นให้คนทั้งล้านคนได้รู้ทันที และมีสาวกหรือผู้ติดตามอ่านข้อความในทวิตเตอร์เราในฐานะแฟนคลับ ซึ่งแล้วแต่ว่าจะใช้อย่างไร

ตัวอย่างเช่น ถ้าหากมีบางท่านอยากจะแสดงความคิดเห็นทางการเมืองต่อสาธารณชนด้วยชื่อจริง นามสกุลจริงในเฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ แต่ความเห็นนั้นไปกระทบต่อบุคคลสาธารณะอย่างรุนแรง ทำให้คนนับแสนเกลียดคนที่เราวิพากษ์วิจารณ์อย่างรุนแรงไปและแถมมีคนอ่านข้อความเราเยอะเสียด้วย ท่านผู้อ่านคิดว่า คนที่เขียนข้อความนั้นจะถูกฟ้อง “หมิ่นประมาท” หรือไม่ และอาจจะแพ้ในศาลได้ง่าย ๆ เพราะเขียนจากอารมณ์ความรู้สึกส่วนตัว เรื่องทำนองนี้ก็ควรระวัง

***ข้อสาม อย่าคุยหรือแชร์ความคิดเห็นเกินขอบเขต บางครั้งเรื่องที่จะคุยกับเพื่อนในเฟซบุ๊กมักจะถูกแต่งเติมสีสันจนสนุกอารมณ์ โดยเฉพาะเรื่องไม่ค่อยดี แต่ก็อย่าลืมอีกว่าข้อความที่โพสต์ไปนั้น หรือเนื้อความที่ถูกโพสต์ไปนั้นอาจจะกระทบตัวบุคคลได้ ข้อความเหล่านี้จะอยู่นานในเฟซบุ๊ก หรือ ทวิตเตอร์ โดยมาอ่านก็จะเจอในอนาคต ซึ่งจะทำให้เกิดความแตกร้าวไม่น่าเกิดประโยชน์ เพราะฉะนั้น ถ้าจะแสดงความเห็นอะไรต้องคิดให้รอบคอบก่อนโพสต์ทุกข้อความ

เพราะสื่อสังคมออนไลน์ หรือ โซเชียลมีเดียนั้น ทุกข้อความที่สะท้อนออกไปก็คือการสร้างประวัติศาสตร์ของตนเองต่อไปในอนาคต ทำพลาดไม่ได้.